วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การอาบน้ำแบบหมักขี้ไคลให้นุ่มก่อนถูแบบไร้สบู่

การอาบน้ำแบบหมักขี้ไคลให้นุ่มก่อนถูแบบไร้สบู่ (เพื่อสุขภาพผิวหนังที่ดี)

การลงสบู่นั้น นอกจากทำให้ถูขี้ไคลได้ไม่เกลี้ยงแล้ว ...มีโมเลกุลสบู่เกาะฝังอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพผิวหนังเลย การอาบน้ำของคนไทยวันนี้นิยมใช้ฝักบัว ถูสบู่ ถูขี้ไคล ล้างสบู่ออก ซึ่งผมว่าเป็นการอาบน้ำที่สิ้นเปลืองมากทั้งเวลา น้ำ สบู่ แถมยังทำให้ร่างกายสกป. อีกด้วยเพราะ 1) การถูสบู่ทำให้ผิวหนังลื่น พอลื่นก็ไม่สามารถถูเอาขี้ไคลออกได้ เพราะผิวหนังไม่ฝืด 2) ตามหลักวิศวกรรมศาสตร์ เราต้องการแรงจากความฝืดเพื่อขูดลอกเอาสิ่งเกาะติดผิวออก และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องใช้ฝอยขัดหม้อ เพื่อขัดเอาสิ่งเกาะติดออกจากหม้อ ส่วนการลงผงซักฟอกนั้นก็เพื่อเอาไขมันออก แต่ผิวหนังคนเรามันไม่ได้มันขนาดนั้น จึงไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องไปลงสบู่ให้สิ้นเปลือง (ยกเว้นโง่หลงเชื่อคำโฆษณาโกหกของบริษัทผู้ผลิตต่างชาติ...ซึ่งมีเพียงสองสามบริษัทแต่ผลิตสินค้ามา ๒๐ ชนิด โดยใช้ยี่ห้อต่างกัน ...แม้แต่ "นกถ้วย" ..ที่เราหลงนึกว่าเป็นของไทย) 2) การลงสบู่นั้น นอกจากทำให้ถูขี้ไคลได้ไม่เกลี้ยงแล้ว ยิ่งทำให้ต้องเสียเวลา และเสียน้ำในการล้างเอาสบู่ออก แต่รับรองว่าล้างอย่างไรก็ออกไม่หมดหรอก เพราะมีโมเลกุลสบู่เกาะฝังอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพผิวหนังเลย เพราะไปอุดรูระบายความร้อนของร่างกาย อาจทำให้เกิดการระคายเคือง จนเกิดสิว ไฝ ฝ้า ได้...ยิ่งทุกวันทุกเดือนที่สะสมเข้าไปก็ยิ่งอุดแน่น แบบขี้ฟันอุดในร่องฟันยังไงยังงั้น 3) ดังนั้นวิธีการที่ดีกว่าและประหยัดกว่าในการอาบน้ำคือ ไม่ต้องใช้สบู่ อีกทั้งเพิ่มความฝืดในการถูขี้ไคล ด้วยการใช้ผ้าขนหนูผืนเล็ก กับน้ำสองขัน ซึ่งผมได้เขียนไว้แล้ว ถ้าจะให้ดีขึ้นคือในการชโลมตัวให้เปียกในครั้งแรกนั้น ให้ใช้วิธีเอาผ้าชุบน้ำสะอาดให้เปียกโชกๆ คลุมหัวไว้ ให้น้ำอุ่นไหลไปชโลมหัว บ่า ลำตัว เอามือลูบน้ำให้เปียกทั่วร่างกาย จากนั้นใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์สักสองนาที เช่น แปรงฟัน หรือ ขัดถูบริเวณสกป.มากๆ เช่น ฝ่าเท้า ที่ต้องสองนาทีเพราะต้องการ “หมัก” ขี้ไคลให้เปื่อย จะทำให้ถูขี้ไคลออกได้ง่าย และสะอาดกว่าปกติ เวลาหมักขี้ไคลสองนาทีนั้น ถ้าหาอะไรทำไม่ได้จริงๆ ให้ออกกำลังกาย ด้วยการถ่างขาออก ย่อขาลง ค้างไว้ เอามือทั้งสองดันคาง หรือ อ้อมไปดึงท้ายทอย ก็ได้ ถ้าเมื่อยก็ยกตัวขึ้นลงได้ จะเป็นการออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกายไปในตัว ขาหลัง แขน คอ พอหมักไว้สักสองนาทีจากนั้นก็ทำเปียกร่างกายด้วยผ้าชุบน้ำโชกอีกครั้ง แล้วทำการถูด้วยผ้าและหรือมือเปล่าแบบแรงๆ แบบแกล้งผิวหนัง (ด้วยความฝืด) จะรู้สึกได้ว่าขี้ไคลออกมาเป็นปื้นๆ เลย สำหรับผมที่หมักน้ำไว้ดีแล้ว ก็สามารถเอาปลายนิ้วขยี้ลงไปบนผิวหนังหัวได้เลย เพื่อเอารังแคออก โดยไม่ต้องมีแชมพูให้ยุ่งยาก การขยี้แรงๆ มีความฝืด จะเป็นการนวดผิวหนังหัวได้ดี เป็นการออกกำลังหนังหัวและรากเส้นผมไปด้วยในตัว ถ้ามีจริตว่าอย่างไรเสียก็ต้องอาบน้ำไหลเป็นครั้งสุดท้ายก็อาจทำได้ด้วยการเปิดฝักบัวอาบสัก 20 วิ ก็พอแล้ว ก็ประหยัดน้ำ เวลา ได้มหาศาล อีกวิธีคือ เอาขวดน้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร ที่ตัดก้นออกไปผูกเชือกห้อยไว้กับตะขอที่เพดาน (วิธีผูกเชือกห้อยขวดในแนวดิ่งทำได้ไม่ยาก) เจาะรูฝักบัวที่จุกขวดด้วยตะปู ขนาดสัก 4 รูเล็กๆ เอาน้ำอุ่นเทลงไป ให้น้ำไหลเป็นฝอยเล็กๆ ออกจากรูเจาะ แล้วไปยืนให้น้ำรดหัวในแนวดิ่ง น้ำที่หยดรดหัวจะไหลลงมารดหน้า บ่า และลำตัวเพื่อล้างตัวให้สะอาด แบบประหยัดน้ำมาก โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำแบบสาดเสียเทเสียเกินจำเป็นไปสิบเท่าแบบการใช้ฝักบัวฉีดน้ำในแนวเฉียงเข้าหาใบหน้า สำหรับหน้าหนาวในชนบทห่างไกล ประชาชนยากไร้ ไม่มีน้ำฝักบัวร้อนๆ การอาบน้ำวิธีนี้จะช่วยได้มาก เพราะทำน้ำอุ่นด้วยไฟเพียงนิดเดียว หรือแม้ใช้น้ำเย็นไปเลยก็ไม่ทำให้หนาวมากนัก เพราะไม่ได้ใช้น้ำราดโดยตรง เป็นเพียงน้ำหมาดจากผ้าหมาดเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น